นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อประชาชนต่อการป้องกันน้ำท่วมของภาครัฐ พบว่าเหตุการณ์น้ำท่วมมีผลกระทบต่อภาคประชาชนไม่มาก เพราะมีการปลดคนงานเพียงแค่ 50,000 คน การจ้างงานส่วนใหญ่ยังคงดำเนินไปตามปกติ
แต่ทั้งนี้ ประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าและน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ประชาชนกังวลเรื่องรายจ่าย เพราะรายได้ตึงตัว แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยจากผลสำรวจพบว่ามีผู้ตอบถึง 53.9% มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย และเกิดปัญหาฝืดเคืองจนต้องกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้อง และนำเงินออมออกมาใช้ รวมทั้งขายหรือจำนำทรัพย์สินที่มีอยู่
"ประชาชนจึงคาดหวังให้รัฐบาลช่วยดูแลค่าครองชีพและราคาน้ำมัน เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมาก เบนซินใกล้ถึงระดับ 40 บาท/ลิตร ขณะที่ดีเซลใกล้ถึง 35 บาท/ลิตรแล้ว ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงทางจิตวิทยาต่อเศรษฐกิจไทย ที่จะทำให้ประชาชนกังวลกับการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงต้นทุนการปรับขึ้นของสินค้า ส่วนแนวทางให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลปัญหาเงินเฟ้อและราคาสินค้าให้เหมาะสมถือเป็นเรื่องดี และหอการค้าไทยจะให้การสนับสนุนด้วย เพราะจะทำให้เกิดการบูรณาการและขับเคลื่อนนโยบายไปด้วยกัน"นายธนวรรธน์ กล่าว
ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลนั้น ผู้ตอบ 59.7% มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่ารัฐบาลจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ส่วน 26.3% เชื่อมั่นน้อย เพราะรัฐบาลไม่มีเอกภาพในการบริหารจัดการ แนวทางป้องกันไม่ชัดเจน และดูจากผลงานในปีที่ผ่านมา โดยเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งปลูกป่าและทำแก้มลิงตามพระราชดำริ