น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาข้าวไทยในตลาดโลกขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก และผิดจากที่คาดการณ์ไว้ในปีที่ผ่านมาว่า ผลจากการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูการผลิตปี 54/55 สูงถึงตันละ 15,000 บาท จะทำให้ราคาส่งออกข้าวขาวขยับขึ้นไปสูงถึงตันละ 800 เหรียญสหรัฐฯ แต่ล่าสุด ณ วันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวขาว 100% อยู่ที่ตันละ 540 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวขาว 5% ตันละ 520 เหรียญสหรัฐฯ, ข้าวขาว 15% ตันละ 510 เหรียญสหรัฐฯ และข้าวขาว 25% ตันละ 505 เหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้เป็นผลจากประเทศอินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้งในช่วงปีที่ผ่านมาหลังจากหยุดส่งออกมาหลายปี โดยขายในราคาต่ำมากส่งผลให้ประเทศเวียดนามต้องเสนอขายข้าวในตลาดโลกในราคาต่ำกว่า โดยเสนอขายข้าวขาว 5% เพียงตันละ 415 เหรียญสหรัฐฯ, ข้าวขาว 10% ตันละ 410 เหรียญสหรัฐฯ, ข้าวขาว 15% ตันละ 400 เหรียญสหรัฐฯ และข้าวขาว 25% ตันละ 385 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูการผลิตปี 54/55 ไม่ได้ทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศสูงขึ้นเท่ากับราคารับจำนำตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย
"การรับจำนำข้าวราคาสูงเช่นนี้ทำให้ผู้ส่งออกข้าวไทยไม่สามารถขายราคาต่ำแข่งกับอินเดียและเวียดนามเพราะมีต้นทุนสูง แต่หากไม่มีโครงการรับจำนำอยู่ ผู้ส่งออกก็จะสามารถปรับตัวได้ดีกว่านี้" น.ส.กอบสุข กล่าว
โดยภาวะการส่งออกข้าวไทยทุกชนิดในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ก.พ.ที่ผ่านมา มีปริมาณเพียง 465,081 ตัน ลดลง 41.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 796,724 ตัน
สำหรับตลาดข้าวหอมมะลินั้นมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชียที่ต้องแข่งขันในด้านราคา เพราะประเทศเวียดนามหันมาส่งออกข้าวหอมมะลิมากขึ้น และเริ่มเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดฮ่องกง และจีน โดยในปีที่ผ่านมานำเข้าลดลง 26.9% และ 48.4% ตามลำดับ ส่วนในตลาดยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา ยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง