นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. การคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) ของปีนี้ จะอยู่ที่ 25,784 เมกะวัตต์ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,884 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 7.88 ส่วนความต้องการพลังงานไฟฟ้า คาดว่าจะเท่ากับ 163,215 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 4,251 ล้านหน่วย หรือร้อยละ 2.67 เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 - 6.5 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาเป็นปกติในไตรมาตรที่ 2
อย่างไรก็ตาม การใช้ไฟฟ้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 26,604 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.26 ซึ่ง กฟผ. มั่นใจว่าจะรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากมีสำรองการไฟฟ้าสูงถึงร้อยละ 20 ส่วนแนวทางบริหารจัดการน้ำในเขื่อนของ กฟผ. ยึดตามแผนของรัฐบาล ที่คำนึงถึงปัญหาอุทกภัยเป็นหลัก โดยการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล ปัจจุบันอยู่ที่ 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เขื่อนสิริกิติ์ อยู่ที่ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน 2 เขื่อนรวมกันจะเหลือพื้นที่รับน้ำ 7,300 ล้านลูกบาศก์เมตร และถึงเดือนเมษายนนี้ ตามแผนจะรองรับน้ำได้ 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ กฟผ. ยังต้องติดตามการพยากรณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุวิทยา ในช่วงฤดูฝน ก่อนจะนำมาปรับแผนการใช้ไฟฟ้า และการระบายน้ำจากเขื่อนให้เกิดความเหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังจับตาสภาพอากาศ และมีความเป็นห่วงที่อาจจะเกิดภัยแล้งนอกจากนี้ ทาง กฟผ. เตรียมออกโครงการรณรงค์ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนของปีนี้ โดยจะเป็นการรณรงค์ล้างเครื่องปรับอากาศ ที่จะนำร่องในสถานที่ราชการ อาทิ ศาลากลางจังหวัด โรงพยาบาลภูมิพล โรงพยาบาลสิริกิติ์ และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตั้งเป้า 8,000 เครื่อง รวมทั้งจะมีการสอนวิธี และมอบอุปกรณ์ล้างเครื่องปรับอากาศให้กับกองทัพภาคที่ 1 - 4 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด
นอกจากนี้ กฟผ. ยังทดลองโครงการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ในเขื่อนศรีนครินทร์ 105 หลอด ที่ประหยัดได้ร้อยละ 80 เพื่อต่อยอดไปยังสถานที่ ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าส่องสว่าง อาทิ ถนนทั่วไป ซึ่งจะเกิดความคุ้มทุนได้ใน 3 ปี