น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยเตรียมนำคณะเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้(6 มี.ค.) เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจต่อนักธุรกิจญี่ปุ่นเกี่ยวกับแผนป้องกันปัญหาอุทกภัยของรัฐบาล โดยเฉพาะพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อช่วยให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อห่วงใยของภาคเอกชนด้วย ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการต่างๆ ตามแผนงานที่กำหนดไว้แม้จะมีผู้นำเรื่องไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองก็ตาม
สำหรับการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและญี่ปุ่นในทุกมิติ และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสพิเศษครบรอบ 125 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรมในทุกด้านทั้งการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาความเชื่อมโยงในอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมกันพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศซึ่งต่างประสบภัยพิบัติอย่างรุนแรงในปี 2554 สร้างความเชื่อมั่นและขยายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ นากยรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ สร้างความเชื่อมั่นต่อภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นว่า รัฐบาลไทยมีแผนการดำเนินงานชัดเจนเกี่ยวกับการป้องกันอุทกภัย และเชิญชวนให้ญี่ปุ่นเข้าร่วมในโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของไทย
"เรามีมาตรการในแผนป้องกันน้ำท่วม ทั้งระยะเร่งด่วนและยั่งยืน ทั้งในส่วนการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมและมาตรการที่จะช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมด้วย" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
โดยวันพรุ่งนี้ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจะเป็นตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยื่นฟ้องคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ(กยน.), การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.), รมว.อุตสาหกรรม, รมว.คลัง และผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับหรือยกเลิกการสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม จำนวน 11 แห่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ รวมทั้งให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างเขื่อนรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพราะหากเกิดความไม่มั่นใจก็อาจตัดสินใจย้ายการลงทุนหรือถอนการลงทุนไปประเทศอื่นซึ่งจะส่งผลกระทบเรื่องปัญหาการจ้างงานตามมา