นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองของกองทุนส่งเสริมประกันภัยพิบัติที่จะมีต่อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ซึ่งกรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติรุนแรงตามเงื่อนไขของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)
สำหรับภาคครัวเรือนกองทุนส่งเสริมฯ จะให้ความคุ้มครองจำนวน 1 แสนบาทต่อราย คิดเบี้ยประกัน 0.5% แต่หากเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)จะให้ความคุ้มครอง 30% ของทุนประกัน คิดเบี้ยประกัน 1% ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมจะให้ความคุ้มครอง 30% ของกองทุนประกัน คิดเบี้ยประกัน 1.25%
เลขาธิการ คปภ.คาดว่า จะสามารถเปิดขายกรมธรรม์ดังกล่าวได้ใน 10 วันข้างหน้า หรือราวกลางเดือน มี.ค.55 โดยสัปดาห์หน้าจะมีการลงนามความตกลงร่วมกันระหว่างกองทุนส่งเสริมฯ กับบริษัทประกันภัยทั้ง 67 ราย ซึ่งกองทุนส่งเสริมฯ มีความพร้อมที่จะดำเนินการดังกล่าว
เงื่อนไขการจ่ายเงินสินไหมทดแทนจะพิจารณาจากระดับน้ำที่ท่วม ได้แก่ น้ำท่วมขังสูง 50 ซม.จ่ายเงินสินไหมชดเชย 5 หมื่นบาท, น้ำท่วมขังสูง 75 ซม.จ่ายเงินสินไหมทดแทน 7.5 หมื่นบาท, น้ำท่วมขังสูง 1 เมตร จ่ายเงินสินไหมทดแทน 1 แสนบาท
ก่อนหน้านี้ ครม.ได้อนุมัติจัดตั้งกองทุนประกันภัยในวงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะให้ความคุ้มครองความความเสี่ยงภัยใน 3 ภัยธรรมชาติ ได้แก่ น้ำท่วม, ลมพายุ และแผ่นดินไหว
ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้ประชุมหารืออย่างต่อเนื่องรวมทั้งหมด 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2555 เพื่อเร่งพิจารณาแนวทางการรับประกันภัยพิบัติที่เหมาะสมและสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเร็วที่สุด
ทั้งนี้ คาดว่าแนวทางการรับประกันภัยพิบัติที่คณะกรรมการฯ ได้นำเสนอและคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทุกภาคส่วน ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย SMEs และอุตสาหกรรมในการเข้าถึงและใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยพิบัติช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศอันเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่นอกจากจะมีนโยบายการจัดการและบริหารน้ำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วการประกันภัยพิบัตินี้ก็จะช่วยเติมเต็มการจัดการความเสี่ยงภัยให้ครบถ้วนสมบูรณ์