สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาเรื่องโครงการซื้อพันธบัตรประเภทใหม่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ
สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,683.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1685.8 - 1675.5 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดขึ้น 80.2 เซนต์ หรือ 2.47% ปิดที่ 33.585 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.767 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 15.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,627.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 13.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 685.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ว่า สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวานนี้ และแม้ว่าสัญญาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับของวันจันทร์ แต่ปัจจัยบวกจากภายนอกได้ช่วยหนุนสัญญาทองคำให้ปรับฐานขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของการซื้อขาย รวมถึงข้อมูลการจ้างงานที่ดีเกินคาดของภาคเอกชนสหรัฐ และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันนิวยอร์ก
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ โดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงิน 33 แห่งที่ถือครองพันธบัตรของกรีซ ได้วางแผนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการสว็อปพันธบัตร ด้วยการยอมรับการขาดทุนตามเงื่อนไขการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินสาธารณะของกรีซ
รายงานของ IIF ระบุว่า สถาบันการเงินทั้ง 33 แห่งนี้ถือครองพันธบัตรที่ยังไม่ครบไถ่ถอนของกรีซเป็นวงเงินรวมกัน 8.1 หมื่นล้านยูโร หรือคิดเป็น 39.3% ของมูลค่าพันธบัตรที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอนทั้งหมดที่ 2.06 แสนล้านยูโร
การบรรลุข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนจะช่วยให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือมูลค่า 1.3 แสนล้านยูโรจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้