ก.พลังงานขอโรงกลั่นสำรองน้ำมันเพิ่มเป็น 64 วันห่วงอิหร่านบานปลาย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 8, 2012 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านกับนานาชาติ ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนสูง กระทรวงพลังงานจึงได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานประชุมร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเพื่อหามาตรการในการแก้ปัญหาหากเกิดกรณีสถานการณ์ของอิหร่านกับนานาชาติเลวร้าย และทำให้น้ำมันจากตะวันออกกลางไม่สามารถจัดส่งมาประเทศไทยได้

เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือกับกลุ่มโรงกลั่นเพิ่มสำรองน้ำมันมากขึ้น เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในปัจจุบัน ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันแจ้งว่าสามารถเพิ่มการสำรองได้มากขึ้นเป็น 64 วัน จากปัจจุบันสำรองที่มีใช้ได้อยู่ทั้งหมดอยู่ที่ 55 วัน

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันต้องสำรองน้ำมันดิบ 5% ของปริมาณการกลั่นหรือคิดเป็น 18 วัน แต่การเก็บสต็อกน้ำมันจะมีน้ำมันบางส่วนที่ต้องผ่านกระบวนการในการปรับปรุงเพื่อนำมาใช้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 6 วัน จะเหลือสำรองที่นำมาใช้ได้ทันที 12 วัน เมื่อรวมกันน้ำมันที่ใช้สำหรับเตรียมการกลั่น หรือ Working reserves ประมาณ 11 วัน ทำให้รวมสำรองน้ำมันในส่วนของกลุ่มโรงกลั่น 23 วัน

ส่วนน้ำมันสำเร็จรูป มีปริมาณการสำรอง 19 วัน รวมกับน้ำมันที่สั่งซื้อแล้วและขึ้นเรือลอยลำออกจากอ่าวแล้ว หรือ In transit อีก 13 วัน หรือประมาณ 8.45 ล้านบาร์เรล ทำให้มีสำรองน้ำมันทั้งหมดของประเทศตามกฎหมาย 55 วัน

สำหรับส่วนที่โรงกลั่นจะสำรองเพิ่มขึ้นเป็นการขอความร่วมมือให้สำรองตามความสมัครใจ ไม่ได้ออกเป็นกฎหมายบังคับ ซึ่งในส่วนนี้ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันมีศักยภาพในการเพิ่มได้อยู่แล้ว โดยจะเพิ่มสำรองน้ำมันดิบได้อีก 9 วัน แบ่งเป็นสำรองทางการค้า Working reserves ที่จะเพิ่มได้อีก 2 วัน หรือประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรล และในส่วนของการเก็บเพิ่มในคลังหรือถังน้ำมันที่ไม่ได้ถูกใช้งานในปัจจุบัน และคลังที่ต้องปรับปรุงให้ได้มาตรฐานตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้จะมีการผ่อนผันให้นำมาใช้ได้ แต่กรมธุรกิจพลังงานจะต้องเข้าไปตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยก่อน ในส่วนนี้จะเพิ่มได้ประมาณ 7 วัน หรือ 4.68 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ หากมีสถานการณ์ที่เลวร้ายลงก็สามารถเพิ่มสำรองในส่วนของคลังลอยน้ำ หรือ Floating storage

ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า จากการหารือของกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันกับกรมธุรกิจพลังงานได้ข้อสรุปในเรื่องของการเพิ่มสำรองน้ำมันทั้งหมด 9 วัน สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที โดยในส่วนของที่เป็น Working reserves 2 วัน ได้ทยอยเพิ่มการจัดส่งแล้ว แต่ในส่วนของการสำรองในคลังน้ำมัน 7 วัน กำลังเตรียมการวางแผนในเรื่องการซ่อมถัง เมื่อซ่อมเสร็จก็จะทยอยเก็บน้ำมันเข้าถังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยการสำรองน้ำมันไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะต้องเพิ่มให้เป็น 64 วันเมื่อใด แต่จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละโรงกลั่น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดหาน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเปลี่ยนจากการซื้อในตลาดจร หรือ Spot มาเป็นการซื้อในลักษณะสัญญาระยะยาว หรือ Long term เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนการเก็บสำรองเพิ่มขึ้นและมีความมั่นคงในการจัดหาน้ำมันมากขึ้น

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์(UAE) ประมาณ 2.75 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่ความต้องการใช้ของประเทศไทย อยู่ที่ 5 แสนบาร์เรล/วัน ส่วนที่เหลือทางกลุ่ม ปตท.จะนำเข้าจากอัฟริกาตะวันตก แอฟริกาเหนือ เอเชียกลาง ออสเตรเลีย โดยมั่นใจว่าการจัดหาน้ำมันมาใช้ในประเทศไทยจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน

นายสุรงค์ กล่าวว่า ไทยออยล์ได้มีการปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ จากเดิม 106 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็น 109 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่มองว่าราคามีโอกาสขยับขึ้นไปถึง 110-120 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ หากปัญหาทางอิหร่านยังไม่คลี่คลาย และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจน ทำให้ความต้องการใช้ของโลกยังอยู่ในระดับสูง

นายณอคุณ สิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ขณะนี้กระทรวงยังมีอีกหลายมาตรการ เช่น การขอความร่วมมือกรมทางหลวงไม่ให้ขับรถเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด หรือ 90 กม./ชั่วโมง เพื่อลดการใช้น้ำมัน, การห้ามส่งออกน้ำมันที่ผลิตได้ในประเทศทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป, การออกประกาศลดหย่อนมาตรฐานน้ำมันที่ใช้ในประเทศ เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันที่ผลิตได้ในประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียน(APSA) ซึ่งมีข้อตกลงว่าหากประเทศใดประเทศหนึ่งที่เป็นสมาชิกขาดแคลนน้ำมัน ประเทศอื่นสามารถส่งออกน้ำมันไปช่วยได้ โดยมาตรการทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่ามีความรุนแรงขนาดไหน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ