ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะไม่ขยายตัวในปี 2555 พร้อมกับระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคจะอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของอีซีบีไปตลอดทั้งปีนี้
นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวันนี้ว่า อีซีบีคาดว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรจะหดตัว 0.1% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.3%
"สภาวะเสี่ยงได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก" นายดรากิกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไม่ขยายตัว แต่มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่อีซีบีกำหนดไว้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนขยับขึ้นสู่ระดับ 2.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลางยุโรป โดยเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยขัดขวางไม่ให้อีซีบีลดดอกเบี้ยลง
โดยในการประชุมวันนี้ ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่มองว่า อีซีบีน่าจะรอดูผลของมาตรการปล่อยเงินกู้ระยะยาวที่ธนาคารได้ดำเนินการไป 2 ครั้งเมื่อปลายปีที่แล้วและเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อีซีบีได้จัดสรรเงิน 5.30 แสนล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับการดำเนินมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) ระยะเวลา 3 ปี เมื่อวันพุธที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีธนาคารทั้งสิ้น 800 แห่งที่ขอเงินกู้ครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ธนาคารกลางยุโรปดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องในลักษณะดังกล่าว หลังจากที่ได้ปล่อยสินเชื่อ 3 ปี มูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร ที่อัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซนไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายที่จะกระตุ้นการกู้ยืมภายในภูมิภาคซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตหนี้
นายดรากิระบุว่า มาตรการต่างๆ ที่อีซีบีนำมาใช้ในตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์ยุโรปนั้น "ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย" ดังเห็นได้จากต้นทุนการกู้ยืมสำหรับรัฐบาลในยูโรโซนที่ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ที่อีซีบีได้เริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศต่างๆ อาทิ อิตาลี และ สเปน เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงเริ่มปล่อยกู้ให้กับภาคธนาคาร