สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่าจำนวนเจ้าหนี้เอกชนที่ตกลงเข้าร่วมโครงการสว็อปพันธบัตรเพื่อช่วยลดภาระหนี้สินของกรีซนั้น เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.91% แตะที่ 1.3268 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3149 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.51% แตะที่ 1.5822 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5742 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.53% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.590 เยน จากระดับ 81.160 เยน และดิ่งลง 0.86% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9085 ฟรังค์ จากระดับ 0.9164 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.56% แตะที่ 1.0641 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0582 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.97% แตะที่ 0.8241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8162 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า เกือบ 95% ของผู้ถือพันธบัตรของกรีซ ได้ตกลงที่จะมีส่วนในโครงการสว็อปพันธบัตร ด้วยการยอมรับการขาดทุนตามเงื่อนไขการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% โดยสัดส่วน 95% ของกลุ่มผู้ถือพันธบัตรนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่รัฐบาลกรีซตั้งเป้าเอาไว้ที่ 90%
การสว็อหนี้มีเป้าหมายที่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินสาธารณะของกรีซและจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ยังถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กรีซมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการรับเงินช่วยเหลือรอบที่ 2 จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และองค์กรอื่นๆ
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่มองว่า อีซีบีน่าจะรอดูผลของมาตรการปล่อยเงินกู้ระยะยาวที่ธนาคารได้ดำเนินการไป 2 ครั้งเมื่อปลายปีที่แล้วและเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
การประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากที่อีซีบีได้จัดสรรเงิน 5.30 แสนล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับการดำเนินมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) ระยะเวลา 3 ปี เมื่อวันพุธที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีธนาคารทั้งสิ้น 800 แห่งที่ขอเงินกู้ครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ธนาคารกลางยุโรปดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องในลักษณะดังกล่าว หลังจากที่ได้ปล่อยสินเชื่อ 3 ปี มูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร ที่อัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซนไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายที่จะกระตุ้นการกู้ยืมภายในภูมิภาคซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตหนี้
สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 0.5% ในการประชุมวันนี้ และยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 3.25 แสนล้านปอนด์ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 มี.ค. เพิ่มขึ้น 8,000 ราย มาอยู่ที่ 362,000 ราย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.3%