นายวิชัย เบญจรงคกุล นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า การจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียนนั้นต้องมีความสอดคล้องกับแผนแม่บทไอซีทีของประเทศไทย เพื่อที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนไทย โดยรัฐบาลต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนและกระตุ้นให้เอกชนมีความตื่นตัว เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยยังมีปัญหาในเรื่องของการพัฒนาโครงข่ายและการบริการไอซีที เพราะอุตสาหกรรมไอซีทียังเป็นระบบสัมปทาน
ทั้งนี้นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนไทยได้เข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตประมาณ 80 % ในปี 58 และประมาณ 90 % ในปี 63 นั้น เอกชนมองว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะกำหนดให้ภาคส่วนใดเข้ามากำกับดูแล เพราะเนื่องจากเอกชนยังคาดหวังให้รัฐบาลเข้ามาช่วยสร้างการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ดังนั้นรัฐบาลควรจะสร้างความชัดเจนในการทำงานของทุกฝ่าย เช่น สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องมีการประเมินการทำงานของตนเอง และกระทรวงไอซีทีก็ต้องไม่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อผลประโยชน์ที่ได้รับจะต้องอยู่ที่ประชาชน นอกจากนี้รัฐบาลควรวางนโยบายให้ชัดเจนเพื่อให้ภาคเอกชนดำเนินการได้อย่างเหมาะสม
ด้านนายเกรียงไกร ภูวนิชย์ ที่ปรึกษาฝ่ายนโยบายภาครัฐ และรัฐสัมพันธ์ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินการของอุตสาหกรรมไอซีทีรองรับการเข้าสู่ AEC ในปี 58 ควรนำไอทีไปช่วยในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความถนัด เช่น อุตสาหกรรมเกษตร ท่องเที่ยว สุขภาพ การศึกษา รวมทั้งเป็นการสร้างความพร้อมให้กับประเทศโดยการเจาะลึกลงไปให้ความรู้ผ่านการจัดงานในช่วงกลางปีนี้ ที่จะให้แต่ละอุตสาหกรรมเตรียมพร้อมในการก้าวเข้าสูการเป็น AEC ได้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนมองเห็นว่าควรจะมีการจับคู่ธุรกิจในแต่ละประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ เช่น ประเทศใดที่มีความต้องการซอฟต์แวร์กับบริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ตรงกับความต้องการ รวมทั้งนี้ในแต่ละองค์กรควรที่จะมีการพัฒนาบุคลากรให้เตรียมความพร้อม รวมทั้งการโปรโมทด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ โดยการจัดเวทีการแข่งขันให้สำหรับนักคิดนักพัฒนาซอฟต์แวร์อีกด้วย