ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) พร้อมกับยืนยันว่า เฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3)
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ระบุว่า คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% และยังคงดำเนินโครงการขยายกำหนดเวลาการไถ่ถอนหลักทรัพย์ที่เฟดถือครองอยู่ออกไป ตามที่ได้ประกาศไว้ในเดือนก.ย. 2554 และเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายในการนำเงินต้นที่ได้รับจากตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ มาลงทุนใหม่ในหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานดังกล่าว
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดได้ออกรายงานภาวะเศรษฐกิจว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงมีการขยายตัว แต่ตลาดที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้นในระยะนี้ อาจจะหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับหรือต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ เฟดประเมินว่า ภาวะตึงเครียดในตลาดการเงินทั่วโลกได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะตึงเครียดที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ยังคงทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 เพียงแต่ยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปจนถึงปี 2557 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมกับระบุว่าจะทำการทบทวนเรื่องขนาดและองค์ประกอบของงบดุลของเฟดเป็นระยะๆ และจะทำการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม และการประชุมครั้งนี้ มีเพียงนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ผู้ว่าเฟดสาขาริชมอนด์เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่คาดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ
สำหรับการประชุมเฟดครั้งหน้าจะมีขึ้นในวันที่ 24-25 เม.ย.