สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายช่วงท้ายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.59% แตะที่ 1.3076 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3153 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.41% แตะที่ 1.5700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5636 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.970 เยน จากระดับ 82.260 เยน และพุ่งขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9235 ฟรังค์ จากระดับ 0.9164 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.29% แตะที่ 1.0540 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0509 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.53% แตะที่ 0.8221 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8178 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการ QE3 เพียงแต่ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลาง และคาดว่าอัตราว่างงานจะค่อยๆปรับตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงมีการขยายตัว แต่ตลาดที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้นในระยะนี้ อาจจะหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับหรือต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในวันข้างหน้า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 1.1% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% และยังเป็นการขยายตัวมากสุดในรอบ 5 เดือน
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงแม้สถาบัน ZEW ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนประจำเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 22.3 จุด สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 10.0 จุด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.พ.อยู่ที่ 5.4 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.