ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียพุ่งขึ้นถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ (14 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อบริษัทส่งออกของเอเชีย
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index พุ่งขึ้น 1.1% แตะที่ 128.35 จุด ณ เวลา 10:53 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 21,564.21 จุด พุ่งขึ้น 224.51 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,464.92 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นมะนิลาเปิดที่ 5,006.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดที่ 1,570.06 จุด บวก 6.04 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดที่ 3,012.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.75 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดที่ 8,132.96 จุด เพิ่มขึ้น 101.45 จุด ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ 10,064.12 จุด เพิ่มขึ้น 165.04 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐว่า "เศรษฐกิจจะขยายตัวปานกลาง และอัตราว่างงานจะปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง จากทั้งหมด 19 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ซึ่งธนาคารที่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึงเจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ ส่วนธนาคารที่ไม่ผ่านการทดสอบมีเพียง 4 แห่ง รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารเม็ทไลฟ์
ตลาดได้แรงหนุนเพิ่มขึ้นหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 1.1% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% และยังเป็นการขยายตัวมากสุดในรอบ 5 เดือน