ดัชนีหุ้นกลุ่มเหล็กในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นปรับตัวขึ้น 10.75% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ สูงกว่าการขยายตัวของดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่ 10.04% เพียงเล็กน้อย แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังต่ำกว่าการขยายตัวของดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นที่โต 14.04%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การดีดตัวของราคาเหล็กก่อนหน้านี้ รวมทั้งหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์เรื่องดีมานด์ที่จะปรับตัวขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ อย่างไรก็ดี ราคาสินแร่เหล็กนำเข้าที่อยู่ในระดับสูงก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของอุตสาหกรรมสินแร่เหล็กและเหล็กกล้า ซึ่งกระพือกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้จากการดำเนินงานในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็ก ดังนั้น จึงไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลนักหากจะมองมุมบวกเกี่ยวกับแนวโน้มที่สดใสของหุ้นกลุ่มเหล็ก
-- ธุรกิจสินแร่เหล็กและเหล็กกล้าปี 55 เผชิญกับต้นทุนการผลิตสูงและสัดส่วนกำไรต่ำ
โรงถลุงเหล็กขนาดใหญ่และกลาง 77 แห่งในจีน ทำกำไรไปได้ 8.52 หมื่นล้านหยวนในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนกำไรโดยเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 2.55% และด้วยราคาสินแร่เหล็กที่อยู่ในระดับสูง อุตสาหกรรมดังกล่าวจึงขาดทุนในเดือนธ.ค. และฉุดสัดส่วนกำไรจากการขายลงเหลือ 2.42% ตลอดทั้งปี 2554
ทั้งนี้ จีนได้นำเข้าสินแร่เหล็ก 686 ล้านตันในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 68 ล้านตันจากระดับปีก่อนหน้า โดยราคา CIF ของการนำเข้าสินแร่เหล็กโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 163.84 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 28.13% ต่อปี โดยราคาการนำเข้าสินแร่เหล็กที่สูงขึ้น จึงทำให้อุตสาหกรรมต้องใช้เงินเพิ่ม 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.9 เท่าของกำไรจากการขายของอุตสาหกรรมในปีที่แล้ว
โรงถุลงเหล็กขนาดใหญ่ของจีนได้เปิดเผยคาดการณ์ทางการเงินซึ่งชี้ให้เห็นว่า การดำเนินธุรกิจในปีที่แล้วของอุตสาหกรรมเหล็กไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก บริษัท อังกัง สตีล คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2554 ว่าจะลดลง 2.151 พันล้านหยวน ส่วนเป๋าชาน ไอออน แอนด์ สตีล และหมั่นชาน ไออน แอนด์ สตีล ประเมินกำไรสุทธิในปีที่แล้วว่า จะลดลง 43.35% และลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามลำดับ
-- แนวโน้มราคาสินแร่เหล็กที่ซบเซาในปีนี้
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า สินแร่เหล็กทั่วโลกจะมีปริมาณเกินความต้องการในอนาคต และช่วงขาลงของราคาสินแร่เหล็กก็จะเกิดขึ้นไปจนถึงปี 2558
หวาง เสี่ยวฉี เจ้าหน้าที่อาวุโสของสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน กล่าวว่า การพึ่งพาสินแร่เหล็กนำเข้าที่อ่อนแรงลงในปี 2553 และ 2554 ของจีนนั้น เนื่องมาจากการขยายขอบเขตความสามารถในการผลิตสินแร่เหล็กภายในประเทศที่รวดเร็ว สินแร่เหล็กที่มีการนำเข้ามากขึ้นของบริษัทจีนที่มีสิทธิในการทำเหมือง ในปีที่แล้ว จีนเพิ่มการผลิตสินแร่เหล็กเป็น 283 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 27.15% เมื่อเทียบเป็นรายปี และความสามารถในการผลิตสินแร่เหล็กในต่างประเทศอยู่ที่ 180 ล้านตัน
หวางกล่าวว่า ราคาสินแร่เหล็กจะยังคงผันผวนในปีนี้ และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆระหว่าง 110-130 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หากตลาดเหล็กภายในประเทศยังคงหดตัวลง ราคาของสินแร่เหล็กนำเข้าก็จะร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 110 ดอลลาร์ต่อตัน
-- หุ้นกลุ่มเหล็กไปไม่ถึงฝั่งฝัน
จากข้อมูลของ 10jqka.com.cn ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเงินนั้น พบว่า หุ้นเหล็ก 15 รายการในตลาดหุ้นจีนมีอัตราราคาต่อรายได้ต่ำกว่า 15 และค่า PB เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 1.6 ในบรรดาบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นกระดานเอทั้ง 2,341 แห่งนั้น มีเพียง 26 แห่งเท่านั้นที่ราคาหุ้นร่วงลงต่ำกว่ามูลค่าการจอง ครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวเป็นหุ้นกลุ่มเหล็ก ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของหุ้นกลุ่มเหล็ก
เมื่อเร็วๆนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มเหล็กก็ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องดีมานด์ที่น่าจะดีขึ้นจากอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานที่ดีข้น ดังนั้น การดีดตัวของราคาหุ้นกลุ่มนี้ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นานเท่าไรนัก
จากมุมมองของปัจจัยพื้นฐาน ประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และความต้องการจากอุตสาหกรรมปลายน้ำนั้น คงจะไม่ฟื้นตัวขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะยังคงจำกัดความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มเหล็ก
รายงานการวิจัยจากเอเวอร์ไบรท์ ซิเคียวริตีส์ ชี้ว่า การฟื้นตัวของดัชนี PMI ของจีนนั้น ถือเป็นข่าวดีของผลิตภัณฑ์เหล็กของประเทศ แต่ถึงกระนั้น ความต้องการเหล็กที่อ่อนตัวลงก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเมื่อสภาพอากาศอบอุ่นขึ้น ดังนั้น โอกาสที่ราคาเหล็กจะปรับตัวสูงขึ้นจึงมีน้อย และประสิทธธิภาพของการดำเนินธุรกิจของโรงถลุงเหล็กจีนก็จะยังคงซบเซาต่อไป หุ้นกลุ่มเหล็กเองก็คงจะไม่ได้ช่วยผลักดันตลาดเท่าไรนัก สำนักข่าวซินหัวรายงาน