นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันพรุ่งนี้ (15 มี.ค.) จะมีการเสนอแนวทางลดทางลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง ซึ่งแนวทางที่มีการศึกษา ได้แก่ แผนการรณรงค์ประหยัดพลังงาน รวมทั้งการพิจาณาบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยการจะจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันสำหรับเบนซินและแก๊สโซฮอล์ อีก 1 บาท/ลิตรหรือไม่
อนึ่ง หากที่ประชุม กบง.เห็นชอบการปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1 บาท/ลิตร จะมีผลให้ทั้งเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 1.07 บาท โดยมีผลในวันที่ 16 มี.ค.ซึ่งในวันเดียวกันราคา LPG ภาคขนส่งจะปรับขึ้นอีก 41 สต./ลิตร และ NGV ปรับขึ้น 50 สต./กก.
นอกจากนี้ กบง.จะมีการพิจารณาปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านคัดค้านการยุบกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้เหตุผลว่าจะไม่มีเครื่องมือในการตรึงราคาพลังงานนั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ มีการเข้าไปตรึงราคาพลังงานมากเกินไป โดยเฉพาะก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ทำให้กองทุนฯขาดทุนไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท และยังมีการลักลอบไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับหากเมื่อข้อตกลงเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) มีผลบังคับใช้ในปี 2558 หากไทยยังตรึงราคา LPG ด้วยการใช้กองทุนน้ำมันฯเช่นเดิม ก็จะยิ่งทำให้คนไทยไปอุดหนุนเพื่อนบ้านทั้ง 10 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการคือ ปรับบทบาทกองทุนน้ำมันไปเป็นกองทุนสำรองน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการเข้าไปซื้อน้ำมันมาเก็บทั้งเพื่อความมั่นคงและช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาได้ด้วย
ขณะเดียวกัน กระทรวงฯจะเร่งดำเนินการตามแผนงานทั้งการส่งเสริมพลังงานทดแทน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การส่งเสริมงานวิจัยพลังงานทดแทน การส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี ไบโอดีเซล เอทานอล การกระจายเชื้อเพลิง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงระยะยาวแก่ประเทศ