ประธานสภาอุตสาหกรรมองอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาสดใสหลังเจอพิษน้ำท่วมปลายปีก่อน คาดกลับมาผลิตปกติใน เม.ย.นี้ ทั้งปี 55 เชื่อผลิตได้ 2.1 ล้านคัน และมียอดขายปีนี้โต 38.5% จากปีก่อนขายได้ 7.95 แสนคัน รับแรงกระตุ้นโครงการรถคันแรก ด้านรมว.อุตสาหกรรม ระบุบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติต้องการใช้ไทยเป็นฐานส่งออก
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนา “ทิศทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย 5 ปีข้างหน้า" ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทยในปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเป็นที่ 1 ของอาเซียน และติด 1 ใน 10 ของโลก โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดผลิตรถยนต์ถึง 2 ล้านคัน และในอีก 2 ปี ข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคัน
“ผมมั่นใจว่าภายในอีก 2 ปีเราจะสามารถผลิตรถได้ถึง 2 ล้านคัน เพราะเท่าที่คุยกับผู้ประกอบการค่ายรถต่างๆ ทั้งโตโยต้า, นิสสัน, อีซูซุ เขาก็ยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาหืที่ผ่านผมไปญี่ปุ่นกับนายกฯ และได้พูดคุยกับบริษัทรถยนต์เขาก็ยืนยันว่าจะยังใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อการส่งออก โดยแผนการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ของเขาในไทยก็มีวงเงินรวมกันกว่าแสนล้านบาท"ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มนักธุรกิจจากสหรัฐฯเสนอให้รัฐบาลทบทวนโครงสร้างภาษีรถยนต์ โดยส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ว่าขณะนี้ทางคณะทำงานอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อกำหนดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อระยะทาง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ทั้งนี้ก็จะให้ระยะเวลาผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวอีก 2-3 ปี
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากกว่า 1 พันราย แต่ขณะนี้ก็กลับมาผลิตเกือบ 100% แล้ว จึงมองว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปีนี้น่าจะมีแนวโน้มสดใส
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับยอดการผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ โดยในส่วนของผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหลายรายก็ได้มีการโยกย้ายกำลังการผลิตไปยังโรงงานที่ไม่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งมีการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน
“ผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ได้มีการขยายงานมาตั้งแต่ปลายปี 54 เพื่อ support อุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดผลิตถึง 2.1 ล้านคันหรืออาจมากว่านั้น โดยกำลังผลิตน่าจะกลับมาเป็นปกติตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ แต่การแข่งขันทั้งในส่วนของชิ้นส่วนและอุตกรรมยานยนต์ก็จะรุนแรงขึ้นด้วย เพราะทุกประเทศในอาเซียนก็ต้องการที่จะเป็นศุนย์กลางในด้านนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยก็ต้องมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐก็ต้องช่วยส่งเสริม โดยเราควรเน้นเรื่องการผลิตที่เทคโนโลยีสูง"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ของไทยในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นถึง 38.5% จากปีก่อนที่มียอดขาย 7.95 แสนคัน รับปัจจัยบวกจากนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งนี้จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาทำให้มีรถยนต์เสียหายจำนวนมาก จึงน่าจะมีการซื้อรถใหม่เพื่อชดเชย ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์นี้ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
นายยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและ อะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยอาจจะถูกแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้ หลังเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 2558 เนื่องจากตลาดฯที่ใหญ่ขึ้นก็จะทำให้มีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบก็ต้องสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ โดยต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหนือกว่าคู่แข่ง รวมทั้งต้องพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงกว่าคู่แข่ง และต้องพยายามหาตลาดใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม