นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับกระทรวงพลังงาน เพื่อแก้ปัญหาการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด โดยมีข้อสรุปที่จะนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ 4 หมื่นตัน ผ่าน บมจ.ปตท.(PTT) แล้วนำมาขายต่อให้กับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาไม่เกินกก.ละ 30 บาท เพื่อช่วยลดต้นทุนและทำให้ผู้ผลิตสามารถจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ในราคาขวดลิตรละ 42 บาท ซึ่งจะมีการเร่งนำเข้าภายในเดือนมี.ค.นี้ เพราะสต๊อกที่ผู้ผลิตมีอยู่จะใช้ได้อีกเพียง 2 สัปดาห์
"ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่นำเข้าสามารถใช้ผลิตได้ 1 เดือน ซึ่งก็เพียงพอ เพราะจากนั้นผลผลิตปาล์มสดก็จะเริ่มออกมาตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นไป โดยการเข้ามาช่วยเหลือครั้งนี้ รัฐไม่ต้องอุดหนุนใดๆ เพราะได้อาศัยกลไกของกระทรวงพลังงาน และ ปตท.ที่มีเครือข่ายและมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนอยู่แล้ว ส่วนการลดปริมาณการผลิตไบโอดีเซล ขณะนี้ยังไม่จำเป็น เนื่องจากปัญหาไม่ได้รุนแรงเหมือนปีที่แล้ว" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ส่วนเหตุผลที่ต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งๆ ที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีอยู่สูงถึง 2.1 แสนตัน เนื่องจากโรงงานสกัดยืนยันที่จะขายน้ำมันปาล์มดิบในราคาสูงเท่ากับราคาตลาดโลก ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ซื้อเข้ามา อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มบริโภคให้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องหาแหล่งน้ำมันปาล์มดิบราคาถูกมาให้ เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดให้ขายได้ตามราคาที่กำหนด
ส่วนที่กังวลว่าหากนำเข้ามามากจะมีผลทางจิตวิทยาต่อราคาผลปาล์มดิบในประเทศนั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก เพราะการนำเข้าเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
"ต่อไปหากโรงงานสกัดต้องการขายน้ำมันปาล์มดิบก็ต้องลดราคาลงมา เพราะก่อนหน้านี้ก็ซื้อถูกมาเป็นปีแล้ว จนมีสต๊อกเหลืออยู่ตั้งเยอะ และยืนยันว่าการนำเข้าไม่ได้ไปปิดกั้นการทำธุรกิจของใคร โรงสกัดยังสามารถขายน้ำมันปาล์มดิบได้ แต่ต้องลดราคาลงมา แล้วก็ไม่ได้บังคับว่าห้ามส่งออก ยังคงส่งออกได้ ซึ่งก็จะขายได้ตามราคาตลาดโลก แต่ที่นำเข้าเพราะต้องการช่วยเหลือผู้บริโภค ไม่ให้บริโภคน้ำมันปาล์มแพงเท่านั้น" รมว.พาณิชย์ กล่าว
แหล่งข่าวจากสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย ระบุว่า การนำปตท.เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ข้ามขั้นตอน ซึ่งควรต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเป็นประธานก่อน เพราะในคณะกรรมการมีผู้เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกร ผู้ทรงคุณวุฒิ และข้าราชการ ซึ่งน่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีและรอบคอบกว่า