นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจวันนี้ว่า ที่ประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีการหารือถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงที่จะมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ยังเห็นตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าในขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และยังไม่มีความกังวลต่อราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นในขณะนี้
โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ติดตามภาวะราคาสินค้าเป็นรายตัว รวมทั้งให้พิจารณาห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง ไปจนถึงมือผู้บริโภคว่ามีความปกติในจุดใดบ้าง ขณะเดียวกันมองว่าภาวะด้านราคาพลังงานเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นผลจากภาวะความตึงเครียดของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะไม่มีมาตรการในการอุดหนุนราคาพลังงานเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากมาตรการที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน แต่รัฐบาลจะเน้นการรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานหาแนวทางในการประหยัดพลังงานให้ได้อย่างน้อย 10%
"จากการหารือของรัฐบาล จะไม่เร่งดำเนินการอะไรที่ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเปลี่ยนแปลงขึ้นไปอีกท่ามกลางวิกฤติตลาดโลกที่เกิดขึ้น" รองนายกฯ ระบุ
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ธปท.ได้รายงานว่าราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อในขณะนี้ แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะขึ้นไปแตะที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อาจส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง
ส่วนกรณีปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทนั้น ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจยังมีการถกเถียงกันว่าอาจจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ และอาจไม่สอดคล้องกับประสิทธิภาพในการผลิตที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเร่งผลิตบุคลากรที่มีฝืมือเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับอัตราค่าจ้างแรงงานที่จะปรับสูงขึ้น
นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า จะสามารถดูแลราคาพลังงานได้ทั้งก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ตลอดจนราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งกระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และหากมีการเปลี่ยนแปลงใดจะพิจารณาจากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นหลัก
ทั้งนี้ สำหรับราคาก๊าซ NGV ในปัจจุบันหลังจากที่รัฐบาลออกบัตรเครดิตพลังงานไปแล้ว ถือว่ามีส่วนทำให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากนัก ซึ่งจากที่เคยตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงพลังงานกับกลุ่มผู้ประกอบรถแท็กซี่ และรถขนส่ง ก็จะหาแนวทางในการดูแลผู้ประกอบการไปควบคู่กัน
สำหรับราคาน้ำมันดีเซลนั้น หลังจากที่รัฐบาลชะลอจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และลดการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น รัฐบาลจะไม่เร่งดำเนินมาตรการใดๆ ที่ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนก๊าซหุงต้มนั้น คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) จะดูแลราคาก๊าซหุงต้มอย่างรอบคอบ โดยขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปรับราคา แม้ก๊าซ LPG จะมีราคาขายต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งรัฐบาลจะดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคของประชาชน