ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ค่าเงินยูโรพุ่ง 0.63% แตะที่ระดับ 1.3165 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3082 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่า 0.75% สู่ระดับ 1.5826 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5708 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลง 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.350 เยน จากระดับ 83.500 เยน และปรับตัวลง 0.70% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9161 ฟรังค์ จากระดับ 0.9226 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0580 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0525 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์บวกขึ้น 0.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8234 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8190 ดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนก.พ.พุ่งสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ระดับ 0.4% เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นโดยปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค.
ส่วนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนก.พ. เมื่อเทียบกับคาดการณ์ที่ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
นอกจากนี้ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนมี.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 74.3 จุด จาก 75.3 จุด ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ และร่วงลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 76 จุด โดยดัชนีควมเชื่อมั่นได้ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นได้กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ดอลลาร์ปรับตัวลงตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่สดใสเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.44% สู่ 79.79 จุด