แหล่งข่าวในตลาดเกาหลีใต้ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นในระยะนี้และความผันผวนของราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเพื่อป้อนอุปสงค์ภายในประเทศ
ในขณะที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากความความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างประเทศเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน อัตราการนำเข้าน้ำมันของเกาหลีใต้ต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) คาดว่าจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย
ศูนย์การเงินระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (KCIF) และธนาคารวาณิชธนกิจระดับโลกหลายแห่งคาดว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของเกาหลีใต้ในปีนี้อาจแตะที่ 11.7% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจาก 10.6% ในปี 2554 และ 11% ในปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกเริ่มซบเซา
KCIF ระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มนำไปสู่การลดการลงทุนลงของธุรกิจ รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจตามมา
โอ จึง ซึก นักวิเคราะห์ของ KCIF กล่าวว่า “อัตราส่วนการนำเข้าน้ำมันต่อจีดีพีที่สูงเกินไปจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นลดลง และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม" พร้อมกับเสริมว่า “ความผันผวนของตลาดน้ำมันยิ่งทำให้การคาดการณ์ราคาน้ำมันทำได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อผู้บริหารธุรกิจและราคาหุ้น"
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนั้น ยังเพิ่มภาระให้กับดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ที่อยู่ในระดับที่สูงอยู่แล้วอีกด้วย ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.1% ในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงจากการขยายตัวที่ระดับ 3.4% ในเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบเป็นรายเดือน ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนมกราคม สำนักข่าวยอนฮับรายงาน