น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแก่เครือข่ายองค์กรสตรีกลุ่มจังหวัดอันดามันประกอบด้วยจังหวัดพังงา ภูเก็ต ระนอง กระบี่ และตรัง รวมกว่า 5,000 คน โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน และนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ตลอดจนคณะข้าราชการ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ 4 ข้อ คือ 1. เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ยสำหรับการลงทุน เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มสตรีได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน นำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ส่งเสริมและพัฒนาไปสู่การสร้างสวัสดิการให้แก่สตรี
2. เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับพัฒนาศักยภาพและเครือข่ายสตรี เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนได้รับสิทธิและเสรีภาพอย่างเสมอภาค อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญไทย 3. เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรม การพัฒนาบทบาทและแก้ไขปัญหาสตรีขององค์กรต่าง ๆ เน้นสร้างกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาของผู้หญิง 4. เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการส่งเสริม สนับสนุนโครงการอื่น ๆ ที่เป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความตั้งใจของรัฐบาลในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากสตรีทั่วประเทศ และให้การใช้เงินกองทุนฯ เป็นไปตามความต้องการของสตรี โดยหากสตรีได้รับโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน จะช่วยให้สตรีได้รับการพัฒนา สามารถเป็นกำลังที่สำคัญและมีบทบาทในประเทศอย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะร่วมมือพัฒนาบทบาทสตรีและจะร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ให้กับกลุ่มสตรีต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่ก่อสร้างอนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตำรวจน้ำ 813 บ้านบางเหนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยนายกฯ ได้กล่าวกับประชาชนว่ารู้สึกดีใจที่วันนี้ได้เห็นประชาชนมีใบหน้าที่สดใส แต่ก็อดเสียใจไม่ได้กับเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 47 ที่ในครั้งนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ลงมาในพื้นที่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สองวัน ทำให้ได้เห็นสภาพการพังทลายของบ้านเรือน การเสียชีวิตของประชาชน
ส่วนการลงพื้นที่ในวันนี้ถึงจะมีการบูรณะตกแต่งสถานที่แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจ โดยขอให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์กับรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และขอให้มีการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุนกลุ่มจังหวัดอันดามันในด้านการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม รวมทั้งต้องการเห็นการฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักเหมือนเดิมอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะสินค้าโอทอปที่รัฐบาลจะสนับสนุน พัฒนาคุณภาพฝีมือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และดูแลเรื่องการตลาดให้
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางไป จ.ภูเก็ตโดยขบวนรถยนต์ เพื่อไปตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH-RB-3A) ส่วนยกระดับ (ระยะทางประมาณ 600 เมตร) (ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน) ที่เทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต