นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จังหวัดระนองเตรียมนำโครงการมาตรฐานท่าเทียบเรือประมงระนองเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ งบประมาณ 295 ล้านบาท เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.ภูเก็ต ในวันพรุ่งนี้
เนื่องจากท่าเทียบเรือประมงระนองเปิดให้ดำเนินงานมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ปี 2507 ทำให้โครงสร้างพื้นฐานมีสภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณท่าเทียบเรือประมงให้ได้มาตรฐานสุขอนามัย พร้อมระบบบำบัดนำเสีย และระบบผลิตน้ำสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำอย่างเพียงพอได้มาตรฐานด้านบริการ และมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยสอดคล้องกับข้อกำหนดเป็นที่ยอมรับของประเทศผู้นำเข้าสินค้าสัตว์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพยุโรป
ผู้ว่าฯ ระนอง กล่าวว่า การปรับปรุงท่าเทียบเรือประมงระนอง จะมีผลให้การขนถ่ายสัตว์น้ำมีความสะดวก รวดเร็ว คุณภาพของสินค้าสัตว์น้ำดีขึ้น และจากสภาพความสดของสินค้าทำให้จำหน่ายได้ราคาดีขึ้น โดยประมาณว่าสินค้าสัตว์น้ำจะมีมูลค่าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 % ดังนั้นจากมูลค่าสินค้าสัตว์น้ำที่ขนถ่ายผ่านท่าเทียบเรือประมงระนองต่อปีประมาณ 3,500 ล้านบาท จะทำให้มูลค่าสินค้าสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นถึง 350 ล้านบาท
อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องทางการประมง ได้แก่ ห้องเย็น โรงน้ำแข็ง โรงงานแปรรูป อู่เรือ คานเรือ เป็นต้น ตลอดจนมีการใช้จ่ายเงินเพื่อจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องอุปโภค บริโภค ในการทำประมง เฉลี่ยเที่ยวละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท เรือประมงเข้าขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำที่ท่าเทียบเรือประมงระนองประมาณปีละ 3,000 เที่ยว คิดเป็นเงินหมุนเวียนเฉลี่ยถึงปีละ 150 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดปัญหาการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำหรือการกีดกันสินค้าจากประเทศไทยอันมีสาเหตุมาจากคุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า โดยประมาณว่า 50% ของสินค้าสัตว์น้ำที่ขนถ่ายผ่านท่าเทียบเรือประมงระนองจะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,750 ล้านบาท
ด้านนางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า องค์กรภาคเอกชนจังหวัดระนองเห็นด้วยกับจังหวัดระนอง ที่จะเสนอโครงการขยายถนนเพชรเกษมจากชุมพร-ระนอง เป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 88 กิโลเมตร วงเงิน 3,500 ล้านบาท ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เนื่องจากปัจจุบันถนนเพชรเกษมจากจังหวัดชุมพรถึงจังหวัดพังงาน่าจะเป็นถนนสายหลักเพียงเส้นทางเดียวที่ยังเป็น 2 ช่องจราจร หากได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ประโยชน์ที่ได้รับมีมูลค่ามหาศาลกับทุกจังหวัดในฝั่งอันดามัน ทั้งในด้านภาคการท่องเที่ยว ขนส่ง การลงทุน การค้าชายแดน และลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน
ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวต่อว่า ภาคเอกชนจังหวัดระนองและชุมพร ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะผลักดันให้พัฒนาการขนส่งระบบรางจากชุมพรถึงจังหวัดระนองด้วย เพื่อเชื่อมต่อกับท่าเรือระนองในการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ แต่โอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยาก จึงเห็นว่าที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้คือการขอขยายถนนเพชรเกษมเป็น 4 ช่องจราจร
นายยรรยง น้ำผุด เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง กล่าวว่า หากมีการขยายถนนเพชรเกษมเป็น 4 ช่องจราจรมาถึงจังหวัดระนอง จะทำให้มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมในจังหวัดระนองเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากประมง เพราะจะทำให้การขนส่งสินค้ามีความสะดวก รวดเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น และส่งผลดีต่อการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวด้วย