ครม.อนุมัติงบประมาณ 1,620 ลบ. ดำเนินโครงการลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 20, 2012 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ภูเก็ต มีมติอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย วงเงิน 1,620 ล้านบาท แยกเป็นโครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ" (โครงการ 1 ร้านค้า 1 ชุมชน) วงเงิน 1,320 ล้านบาท และโครงการมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย วงเงิน 300 ล้านบาท

สำหรับโครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ"(1 ร้านค้า 1 ชุมชน)วงเงิน 1,320 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะให้การสนับสนุนร้านโชห่วยรวมทั้งร้านอาหารธงฟ้า โดยมีเป้าหมายจำนวน 10,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งร้านดังกล่าวจะจำหน่ายสินค้าที่จำเป็น 20 รายการ ได้แก่ ข้าวสาร,ไข่ไก่, น้ำมันพืช, น้ำตาลทราย, ผงชูรส, น้ำปลา, ปลากระป๋อง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, นม UHT, ซอสปรุงรส, เนื้อสุกร, เนื้อไก่, สบู่, ยาสีฟัน, แชมพู, ผงซักฟอก, แป้งผงโรยตัว, น้ำยาล้างจาน, ผ้าอนามัย, ยากำจัดยุงและแมลง

โดยจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงชนิดของสินค้า ตามความจำเป็นและการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าแต่ละชนิด และตามสภาวะเศรษฐกิจในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด รวมทั้งจัดทำสินค้าภายใต้ Brand "ร้านถูกใจ" เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนในชุมชนในราคาถูก โดยมีแผนการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 จะเริ่มในช่วงเดือนเม.ย.55 ในเขต กทม.ปริมณฑลและจังหวัดใหญ่ 15 จังหวัด(อ.เมือง) รวม 2,000 แห่ง และระยะที่ 2 เริ่มในเดือนพ.ค.55 ในทุกจังหวัดอีก 8,000 แห่ง

สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ จะช่วยให้ประชาชนประมาณ 10 ล้านคน สามารถซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20% หรือในภาพรวมคาดว่าจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 36,000 ล้านบาท เพิ่มความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศ นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังจะมีส่วนช่วยชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าอื่นๆในท้องตลาด และจะส่งผลให้รายได้สุทธิของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

ส่วนโครงการมหกรรมธงฟ้า ลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย เป็นโครงการจัดงานธงฟ้าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนที่กำลังได้รับผลการกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับค่าครองชีพโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยจะมีการจัดงานจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในทุกระดับได้แก่ การจัดงานระดับประเทศ 3 ครั้ง ระดับภาค ๆ ละ 2-4 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ระดับจังหวัดทุกจังหวัดรวม 76 ครั้ง(ไม่นับ กทม.) และระดับอำเภอทุกอำเภอรวม 878 ครั้ง

รมว.พาณิชย์ คาดว่า การดำเนินการดังกล่าวจะสามารถลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนประมาณ 5 ล้านคน คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท และเพิ่มเงินหมุนเวียนในการจับจ่ายใช้สอยประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิต ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกร ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้ผลิตมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณ 400-500 ล้านบาท และเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่องไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มการจ้างงาน ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ วิธีการกำกับดูแลทั้ง 2 โครงการได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ แบ่งเป็น 3 ระดับได้แก่ 1.คณะกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชนพิจารณากำหนดกรอบนโยบายและหลักเกณฑ์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ โดยมี รมว.พาณิชย์เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชนเพื่อดำเนินการตามโครงการฯ ในส่วนกลาง มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน และ 3.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชนระดับจังหวัดเพื่อดำเนินการตามโครงการในแต่ละจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ