สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลงสูงสุด 1.12 ดอลลาร์ แตะที่ 106.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนปรับตัวที่ 107.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 12.32 น. ตามเวลาในลอนดอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.65 ดอลลาร์ แตะที่ 124.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่ตลาดนิวยอร์กได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าซาอุดิอาระเบียอาจจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน
เมื่อวานนี้ Joint Organization Data Initiative (JODI) เปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มโอเปค ผลิตน้ำมันได้ 9.87 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากระดับ 9.81 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันเดือนดังกล่าวเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบกว่า 31 ปี
นอกจากนี้ JODI ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมัน 7.51 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจาก 7.36 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ด้านปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศอยู่ที่ระดับ 254.6 ล้านบาร์เรลในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 5.9% จากระดับ 240.6 ล้านบาร์เรลในเดือนธันวาคม
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 มี.ค.ของสหรัฐซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%