สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีและสเปน
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.07% แตะที่ 1.3215 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.06% แตะที่ 1.5867 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5858 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.41% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.370 เยน จากระดับ 83.710 เยน และดีดตัวขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9121 ฟรังค์ จากระดับ 0.9115 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.21% แตะที่ 1.0456 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0478 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.27% แตะที่ 0.8143 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8165 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 5.40% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีเพิ่มขึ้นสู่ 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนและยังได้ฉุดสกุลเงินยูโรร่วงลงด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ รายงานว่ายอดขายบ้านมือสองในสหรัฐลดลง 0.9% แตะ 4.59 ล้านยูนิตในเดือนกุมภาพันธ์ สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 4.62 ล้านยูนิต ข้อมูลดังกล่าวนับเป็นการตอกย้ำถึงสถานการณ์ที่ยังย่ำแย่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ