นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เป็นห่วงว่าผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ในประเทศจะแข่งขันได้ลำบากขึ้น หากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทว่า เพราะค่าครองชีพทั้งจากราคาน้ำมันและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งขณะนี้ยังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างจริงจังจากรัฐบาล
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ หอการค้าไทย กล่าวว่า อนาคตธุรกิจในประเทศไทยจะมีขนาดเล็กลง เพราะมีปัจจัยต่างๆ ที่จูงใจให้นักลงทุนต่างชาติย้ายจากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ค่าแรงขั้นต่ำของไทยที่ปรับขึ้นสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หรือสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ประเทศเพื่อนบ้านได้รับในการส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศยุโรปโดยไม่เสียภาษีนำเข้า
"น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทย เพราะยังไม่มีการกำหนดทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ชัดเจน ขณะที่พื้นที่การลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน หลังการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ก็มีการแข่งขันสูง"นายพรศิลป์ กล่าว
สำหรับมาตรการช่วยลดผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันให้กับผู้ประกอบการด้วยการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้จาก 30% เหลือ 23% นั้น หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามนี้จริงก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ทำตามนโยบายรัฐ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และมาตรการดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีเลย