เศรษฐกิจของไอร์แลนด์กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2554 หลังจากที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไอร์แลนด์ แม้ว่าการใช้จ่ายภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
สำนักงานสถิติกลางรายงานว่า จีดีพีไอร์แลนด์หดตัวลง 0.2% ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่หดตัวลง 1.1% ในไตรมาสก่อนหน้านั้น
รายงานระบุว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.5% ในไตรมาส 4 ปี 2554 ขณะที่การส่งออกลดลง 1.1%
อย่างไรก็ดี ถึงแม้จีดีพีหดตัวลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ก็ช่วยให้จีดีพีตลอดปีที่แล้วของไอร์แลนด์สามารถขยายตัวได้ 0.7% ซึ่งถือเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ที่เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการขยายตัวเป็นบวก
รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญหลายรายคาดการณ์ว่า อัตราขยายตัวของไอร์แลนด์จะอยู่ที่ 0.5% ในปี 2555 แต่ก็เตือนว่า ไอร์แลนด์มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของไอร์แลนด์
ทั้งนี้ ไอร์แลนด์ได้ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศในปี 2553 โดยในเดือนพ.ย.ปีนั้น รัฐบาลไอร์แลนด์ได้รับเงินกู้ฉุกเฉินจำนวน 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.12 แสนล้านดอลลาร์) จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากรัฐบาลประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมหาศาลและต้นทุนกู้ยืมที่สูงขึ้น