คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรคกูเลเตอร์) คาดว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(ค่าเอฟที) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.55 จะอยู่ที่ประมาณ 30 สตางค์/หน่วย
นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรคกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(ค่าเอฟที) งวดเดือนพ.ค.-ส.ค.55 มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นประมาณ 30 สตางค์/หน่วย เนื่องจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นกว่า 250-280 บาท/ล้านบีทียู แต่ยังคงมีเงินที่เหลือจากการไม่ได้ลงทุนตามแผนของทั้ง 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง อีกกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถช่วยรับภาระค่าเอฟทีงวดใหม่ได้ประมาณ 6 สตางค์/หน่วย
แต่ค่าไฟจะปรับขึ้นมากน้อยเพียงใด จะต้องรอดูตัวเลขทั้งต้นทุนค่าเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน และปริมาณการใช้ไฟเมื่อเทียบกับการประมาณการณ์ ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนค่าไฟโดยรวมทั้งหมด อย่างไรก็ดี ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งการให้ กกพ.ตรึงค่าเอฟทีงวดใหม่ หลังจากค่าเอฟทีงวดปัจจุบัน(มค.-เม.ย) ได้ตรึงไปแล้วแม้อัตราค่าเอฟทีจะปรับสูงขึ้น 18 สตางค์/หน่วย
ก่อนหน้านี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จัดทำสมมติฐานการคำนวณค่าเอฟทีไว้ในกรณีที่ให้ กฟผ.ตรึงค่าเอฟทีแทนประชาชน จะทำให้ค่าเอฟทีงวดพ.ค.-ส.ค.55 นี้ต้องปรับขึ้น 25.51 สตางค์/หน่วย
สำหรับกรณีที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้ไทย เพื่อซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.นี้ นายดิเรก เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยไม่สูงมาก
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ได้สั่งการให้ กกพ.ไปทบทวนอัตราการจัดเก็บเงินกองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทพลังงานคลื่น พลังงานความร้อนเหลือใช้จากโรงงาน และพลังงานใต้พิภพ จากเดิมที่เสนอจัดเก็บ 1 สตางค์/หน่วย และ กพช.ยังมอบหมายให้ไปพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้คล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งลดกระแสขัดแย้ง