นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการลงทุนระยะยาวของประเทศ เข่น การลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ท่อส่งก๊าซฯ และน้ำมัน รวมถึงการลงทุนอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและนำเข้าเครื่องจักร เป็นการลดสภาพคล่องทางการเงินของประเทศที่ล้นจนเป็นภาระทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ธนาคารพาณิชย์ ผู้ฝากเงิน และผู้กู้เงิน
ที่ผ่านมา ธปท.ต้องเข้าไปดูดซับสภาพคล่องทางการเงิน ธนาคารพาณิชย์ต้องจัดการสภาพคล่อง ขณะที่ประเทศไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ควรแก้ไข ต้องเปลี่ยนให้เกิดการขาดดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลการชำระเงินบ้าง เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือกับผู้ว่าการ ธปท.ในวันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้กรอบเงินเฟ้อพื้นฐานร้อยละ 0.5-3 ในการดำเนินนโยบายการเงินไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยจะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตีในวันพฤหัสหน้า
อย่างไรก็ตาม การพิจารณากรอบเงินเฟ้อพื้นฐานจะนำเรื่องอาหารและพลังงานมาพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากรอบเงินเฟ้อดังกล่าวจะดูแลเศรษฐกิจในภาพรวมได้