น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างภาคธุรกิจเอกชนไทย-เกาหลีใต้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้ความเชื่อมั่นถึงความเป็นหุ้นส่วนของไทยว่า จากวิกฤติอุทกภัยในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 350,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันอุทกภัยในหน้าฝนที่จะมาถึง โดยได้ปรับอัตราการกักเก็บน้ำเพื่อให้เขื่อนเก็บน้ำมากขึ้นในช่วงหน้าฝน การป้องกันเขตอุตสาหกรรม โดยมีแนวกันน้ำรอบๆนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์สั่งการเดียว หรือ The Single Command เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานแบบ One Stop Service ที่มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมามีแหล่งข้อมูลข่าวสารที่มากมายเกี่ยวกับการพยากรณ์ ทำให้ต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่เตือนภัย พยากรณ์ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน
ทั้งนี้แม้ไทยจะประสบวิกฤติอุทกภัย แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงเข้มแข็ง การเติบโตที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากการส่งออกที่เข้มแข็ง การใช้จ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น จึงคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 5.5-6.5% และสถานะทางการเงินการคลังที่เข้มแข็ง เหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนการขยายการลงทุนต่อไปได้
รัฐบาลมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อการลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุน โดยจะลดภาษีรายได้ของบริษัทลงเป็น 23% ในปีนี้ และจะลดเป็น 20% ในปีหน้า รวมทั้งการส่งเสริมให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงทุน 72 พันล้านดอลลาร์ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ใน 5 ปีข้างหน้า เช่น รถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่จะเชื่อมอาเซียนกับเอเชียใต้และโดยรอบ ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ และขยายการเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนในไทยต่อไป ดังนั้นไทยจึงเป็นศูนย์กลางสำหรับสินค้า ผลิตภัณฑ์ในการเชื่อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีผู้บริโภคดึงดูดการลงทุนยิ่งขึ้น
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีให้เข้ามาลงทุนในไทยในอุตสากรรมที่เพิ่มมูลค่าเช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า รถยนต์ และอะไหล่ เครื่องจักรและเครื่องมือ พลังงานทางเลือก และการแปรรูปเกษตร รวมทั้งการบริการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การวิจัยและพัฒนา การตั้งสำนักงานระดับภูมิภาค อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น บันเทิงและซอฟท์แวร์
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ความเป็นหุ้นส่วนไทยและเกาหลีจะพัฒนายิ่งขึ้น และภาคเอกชนเกาหลีจะเป็นเสาหลักของความเป็นหุ้นส่วนนี้
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ ของเกาหลีที่สนใจลงทุนในประเทศไทย เข้าพบหารือเป็นรายบริษัท เช่น บริษัทแอลจี อิเลคทรอนิคส์, บริษัท ซัมซุง กรุ๊ป และบริษัทเหล็ก ยูเนี่ยน สตีล เป็นต้น