นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดถึง 24,464.6 เมกะวัตต์ ทำลายสถิติปี 2554 และคาดว่าในปีนี้จะสูงขึ้นถึงประมาณ 25,400 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือนเมษายน — พฤษภาคมนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 1,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากในช่วงเดือนนั้นอากาศจะร้อนขึ้น
ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องหยุดเดินเครื่องในช่วงน้ำท่วมจะกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง จากปัจจุบันที่มีบริษัทที่กลับมาผลิตได้พียง 50% จึงอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน
ส่วนกรณีที่จะมีการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่าในช่วง 8- 17 เม.ย.55 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้ามากนัก เนื่องจากเป็นการหยุดในช่วงสงกรานต์ที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลง ประกอบกับกฟผ.ได้มีการจัดเชื้อเพลิงสำรองในการผลิตไฟฟ้าเช่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเตามาทดแทน
สำหรับเรื่องค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) นั้น กฟผ.ต้องแบกรับภาระงวดเดือนม.ค.-เม.ย. ไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท จากการที่รัฐบาลให้ตรึงค่าเอฟไว้ที่ 18 สตางค์ต่อหน่วย แต่ใน งวดต่อไป คือ พ.ค.-ส.ค. ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันโดยปรับขึ้นไปเฉลี่ยอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งหากให้กฟผ.ตรึงต่อไปก็จะเป็นภาระของกฟผ.มากขึ้น