นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขาและบริการ ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าปริมาณสินทรัพย์กลุ่มธุรกิจลูกค้าพรีวิลเลจ แบงก์กิ้ง หรือลูกค้าบุคคลรายใหญ่ ซึ่งมีปริมาณธุรกิจรวมกันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ในปี 55 เติบโต 30% หรือมีสินทรัพย์ ณ สิ้นปีเพิ่มเป็นกว่า 1.5 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และตั้งเป้าฐานลูกค้าเติบโตขั้นต่ำ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 หมื่นราย
ทั้งนี้ ธนาคารจะอาศัยจุดแข็งจากการที่ธนาคารมีเครือข่ายบริการลูกค้าครอบคลุมทั่วภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก รวมทั้งการมีทีมบุคคลากรที่มีความรูความเชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตของลูกค้าให้เติบโตตามเป้าหมายการลงทุนของลูกค้าแต่ละราย ประกอบกับการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะยังคงมีความผันผวน แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยกดดันหลักยังคงมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ที่น่าจะทำให้เศรษบกิจของยุโรปในปีนี้ขยายตัวเพียงแค่ 0.7% ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็คาดว่าจะชะลอตัวลงหรือเติบโตเพียงแค่ 7.5-8%
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 55 น่าจะขยายตัวได้ 5% จากแรงขับเคลื่อนภายในประเทศเป็นหลักทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการซ่อมแซมและฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สภาพคล่องและการลงทุนในประเทศดีขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ไปจนถึงสิ้นปี แม้ว่าจะปัจจัยอัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้นจากการขึ้นราคาน้ำมันและค่าแรงภายในประเทศรวมไว้ในการประเมินแล้ว ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.50-30 บาท/ดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี
ด้านตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มองว่าเกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มฟื้นตัว ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น การเมืองที่นิ่ง ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ประเมินว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตถึง 20% ขณะที่เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,300 จุด หรือคิดเป็น P/E ที่ 12.5 เท่า
นางสาวณัชชา กล่าวถึง พอร์ตการลงทุนในปีนี้แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ 60% ตราสารทุนขั้นต่ำ 20% สินค้าโภคภัณฑ์ 10% และถือเงินสด 10%