นางจินตนา ศิริสันธนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เรียกร้องให้ภาครัฐใช้ดุลยพินิจให้รอบคอบและรับฟังความเห็นของภาคอุตสาหกรมก่อนจะตัดสินใจกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศอีกครั้ง เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากการเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศมีขั้นตอนการปฎิบัติยุ่งยาก สลับซับซ้อน ไม่สะดวกในการประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกเครื่องปรับอากาศอันดับต้นๆของโลก ในปี 54 อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น และ ชิ้นส่วนของไทยสามารถผลิตเครื่องปรับปรับอากาศโดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศมากกว่า 90% มีการส่งออกเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน นำรายได้เข้าประเทศเป็นเงิน 376,800 ล้านบาท มีการจ้างงานหลายแสนคน
"อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะแบรนด์ไทย หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ก็จะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีการค้าต่างประเทศมากยิ่งขึ้น"นางจินตนา กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐยังยืนยันในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศจะส่งผลให้ราคาเครื่องปรับอากาศต้องปรับราคาสูงขึ้น และทำให้แอร์เถื่อนที่ไม่มีคุณภาพซึ่งหมดไปแล้วจะกลับเข้ามาในตลาดอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้จะเป็นการสร้างอุปสรรคในการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยในอีก 3 ปี ข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่ AEC ซึ่งประเทศในกลุ่ม AEC ไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทำให้ผู้ผลิตของไทยจะเสียเปรียบ