สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังไร้ทิศทาง หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอ่อนแอ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 23.2 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,685.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 32.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 47.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.9 เซนต์ ปิดที่ 3.8875 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,646.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 18.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 668.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.85 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐทำให้นักลงทุนแห่ถือครองทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังจากเบอร์นันเก้กล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ แม้ตัวเลขจ้างงานได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 3 เดือนติดต่อกัน และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีก็ตาม
ถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และยังสอดคล้องกับที่บิล กรอส ประธานบริหารแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนเม.ย.นี้
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ยังทำให้ดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.44% แตะที่ 78.96 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงน้ำมันและทองคำ มีความน่าดึงดูดใจ