ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหนุนแรงซื้อ

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.22% แตะที่ 1.3327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3357 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ขยับลง 0.07% แตะที่ 1.5958 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5969 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.110 เยน จากระดับ 82.830 เยน และพุ่งขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9041 ฟรังค์ จากระดับ 0.9028 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.69% แตะที่ 1.0462 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0535 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.23% แตะที่ 0.8210 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8229 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าถือดอลลาร์สหรัฐเพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังไร้ทิศทาง โดยเมื่อวานนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนมี.ค.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 70.2 จากระดับของเดือนก.พ.ที่ได้มีการทบทวนแล้วที่ 71.6 จุด และยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ 70.8 จุด

ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านเดือนม.ค.ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนม.ค. สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ยังคงทรงตัวในเดือนม.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.3%

ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน ภายหลังจากการที่ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีก็ตาม ซึ่งการแสดงความเห็นของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ เฟดอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ซึ่งจะสร้างแรงกดดันอย่างหนักให้กับสกุลเงินดอลลาร์

สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากผลการสำรวจโดยสถาบันวิจัย GfK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีลดลง 5.9 จุดในเดือนเม.ย. จากระดับ 6 จุดในเดือนมี.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศสจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ขณะที่อังกฤษจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ในวันนี้เช่นกัน ส่วนในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.