นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติได้เร่งดำเนินการจัดทำรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติที่เหมาะสมสำหรับบ้านอยู่อาศัย SMEs และ อุตสาหกรรม ครอบคลุม 3 ประเภทภัย ได้แก่ วาตภัย อุทกภัยและธรณีพิบัติภัย และคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแนวทางตามที่คณะกรรมการเสนอ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 ดังนี้ (1) บ้านอยู่อาศัย วงเงินความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาท คิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่ร้อยละ 0.5 ต่อปีของวงเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ
(2) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หมายถึง ธุรกิจที่มีทุนประกันภัย ไม่เกิน 50 ล้านบาท จะจำกัดความรับผิดของกรมธรรม์ภัยพิบัติที่ไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนประกันภัย คิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่ร้อยละ 1.0 ต่อปีของวงเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ
และ (3) อุตสาหกรรม หมายถึง ธุรกิจที่มีทุนประกันภัยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป จะจำกัดความรับผิดของกรมธรรม์ภัยพิบัติที่ไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนประกันภัย คิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี ของวงเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชาชนสนใจซื้อกรมธรรม์ภัยพิบัติเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในวันนี้ได้มีการเปิดตัวกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ภายใต้แนวคิด ?มั่นใจ ประกันภัย ผสานใจเพื่อชาติ" เพื่อแสดงถึงความพร้อมของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ในการเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ให้กับประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการทั้งในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และอุตสาหกรรม โดยผ่านบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 54 บริษัท
ซึ่งในงานนี้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ และสมาคมประกันวินาศภัย ได้ร่วมลงนามในบันทึกแสดงเจตนารมย์ในความร่วมมือ โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นสักขีพยาน รวมทั้งสิ้นประมาณ 400 คน อาทิเช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและต่างประเทศ ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน เป็นต้น
สำหรับการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติภายใต้พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถบริหารความเสี่ยงของตนเองโดยสามารถเข้าถึงกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติที่คณะกรรมการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูง และมีวงเงินความคุ้มครองที่เหมาะสมเป็นการเติมเต็มนโยบายด้านการจัดการและบริหารน้ำของรัฐบาล นอกจากนี้ การจัดทำกรมธรรม์ภัยพิบัติครั้งนี้จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศอีกด้วย