นายวัชเรนทร์ นิสากรเสน ประธานคณะกรรมการสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค เปิดเผยถึงผลสำเร็จจากการเดินทางไปทำพิธีลงนามเพื่อซื้อขายที่ดินกับลูกค้าจำนวนสองราย ได้แก่ YSK Co.,Ltd. ณ เมืองโอซาก้า และ Yuhara MFG Co.,Ltd. ที่เมืองโทะชิงิ ประเทศญี่ปุ่นว่า เป็นการตอกย้ำว่านักลงทุนญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการลงทุนของไทย
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2555 มีนักลงทุนที่ลงนามซื้อขายที่ดินกับสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค แล้วกว่าสิบราย สร้างมูลค่าการลงทุนมูลรวมกว่าหมื่นล้านบาท นำมาซึ่งความต้องการแรงงานถึง 2 หมื่นอัตราในปี 2556 โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่น เช่น Surtec Kariya Co., Ltd., Sumikei Techno Co., Ltd., Thai Kotobuki Co., Ltd. ที่เป็นลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบัน เช่น Thai Kyowa GMB Co.,Ltd., Sato Press Kogyo (Thailand) Co.,Ltd. ก็มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อขยายกิจการ ทำให้ขณะนี้สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค มีจำนวนกิจการในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 60 ของกิจการทั้งหมดภายในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค เป็นที่เชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศและเป็นหนึ่งในศูนย์รวมของกิจการในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมโลหะ และ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ในประเทศก็เนื่องด้วยปัจจัยหลายประการ ทั้งสภาพภูมิศาสตร์ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 20 เมตร เป็นตัวช่วยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ซึ่งต้องการเปิดกิจการในไทยหรือย้ายฐานการผลิตจากพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม, การเป็น ?ศูนย์กลาง" ระหว่างโรงงานประกอบรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ขนาดใหญ่ในภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานใหญ่เลือกที่จะตั้งกิจการที่นี่ รวมไปถึงเมื่อเร็วๆนี้ทางสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ก็ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท Canon Prachinburi (Thailand) Co.,Ltd. เลือกเป็นสถานที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องถ่ายเอกสาร Canon เป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีซัพพลายเออร์ตามมาเปิดกิจการอีกหลายราย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนคาดว่าสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จะยิ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุนญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจัยเรื่องความปลอดภัยของพื้นที่และการเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางคลัสเตอร์ต่างๆ ประกอบกับการเป็น One Stop Service แห่งเดียวของประเทศที่ดูแลและช่วยบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เริ่มจดทะเบียนบริษัทไปจนถึงเริ่มกระบวนการผลิต และการดูแลตลอดการดำเนินการ เห็นได้จากยอดการติดต่อเข้ามาขอชมพื้นที่ของหลายบริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่นตลอดช่วง 1-2 เดือน นับจากงาน BOI Fair ที่ผ่านมา ประกอบกับการเดินหน้าเรียกคืนความเชื่อมั่นนักลงทุนของรัฐบาลยิ่งจะช่วยผลักดันให้แนวโน้มการลงทุนของประเทศกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ