นายธรรมรัต หวั่งหลี ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะต้องสร้างจุดแข็งให้ประเทศคู่ค้าและประเทศผู้นำเข้าให้การยอมรับในคุณภาพของข้าวไทย ทั้งในแง่ของคุณภาพการผลิต การมีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติหอมอร่อย เพื่อรักษาตำแหน่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ภายใต้เป้าหมายที่ว่า ไทยจะเป็นครัวของโลก ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ได้ตกลงระหว่างประเทศคู่ค้า ขณะที่เกษตรกรต้องพัฒนาระบบการผลิตให้มีคุณภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของประเทศคู่ค้าอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้สนับสนุนให้มีการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เพื่อสนองตอบกับความต้องการของตลาดส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การปรับปรุงคุณภาพดิน และการบำรุงดิน เนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตและเป็นแหล่งอาหารทางเลือกที่ดีของพืช ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องให้ความรู้แก่เกษตรกรในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรฯ ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารในระดับโลก โดยมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับด้านการเกษตรจากแหล่งผลิตจนถึงการส่งออกจำหน่าย โดยไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้การบริการข้อมูลรหัสสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการยกระดับการตรวจสอบสินค้าย้อนกลับด้านเกษตรและอาหาร ซึ่งมาตรฐานนี้จะทำให้การขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากไทยคงความสด และถูกสุขลักษณะจนถึงปลายทาง เพื่อสร้างมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค