ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงลดลงจะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้และสภาพคล่องในยุโรป ทำให้เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น จึงคาดว่าอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทยในระยะสั้นจะเริ่มลดลง เช่น การที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนสูง หรือการที่สภาพคล่องของเงินสกุลต่างประเทศมีความตึงตัว
ทั้งนี้ จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ที่มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนก.พ.อยู่ที่ 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.9% ขณะที่มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.2% ส่งผลให้ไทยได้ดุลการค้า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเกินดุลครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤตน้ำท่วม
โดยการส่งออกเติบโตขึ้นจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของเดือนก.พ.55 อยู่ที่ 13.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวราว 23% จากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ของเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก.ย.ปีที่แล้วก่อนเกิดน้ำท่วม
ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนและปัจจัยการผลิตเริ่มเร่งขึ้น การนำเข้าปัจจัยการผลิตไม่ว่าจะเป็นสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น 19.85% หรือสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(ไม่รวมทองคำ) ที่เพิ่มขึ้น 0.77% แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมกำลังเร่งเสริมศักยภาพในการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
อย่างไรก็ดี การนำเข้าปัจจัยการผลิตเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยกว่าที่เราคาดไว้ ขณะที่ได้ดุลการค้าจากทองคำเป็นส่วนใหญ่ โดยการนำเข้าทองคำลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ประกอบกับการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าทองคำเป็นบวก 418 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้การส่งออกจะขยายตัวได้ดีตามภาคอุตสาหกรรม เราคาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และจะสามารถผลิตใกล้เคียงกับระดับศักยภาพได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ดังนั้นการส่งออกจึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีต่อไป เราประเมินว่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำจะขยายตัวได้ราว 13% ในปีนี้