นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ได้รายงานผลการติดตามตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 54/55 ที่สิ้นสุดโครงการไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนก.พ.55 ของสายตรวจเฉพาะกิจ 15 สาย ใน 27 จังหวัด ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยพบการสวมสิทธิเกษตรกรใน 3 จังหวัด คือ นครนายก, กาญจนบุรี และบุรีรัมย์
ทั้งนี้ การสวมสิทธิเกษตรกรในจังหวัดกาญจนบุรีและนครนายก หลังจากการตรวจสอบเชิงลึกจนได้เกษตรกรที่ร่วมกระบวนการทำความผิด และเกษตรกรหลายรายที่หลงผิดได้รับสารภาพ ซึ่งกรมการค้าภายในได้ส่งเรื่องให้กรมสวบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายแล้ว
ส่วนกรณีทุจริตที่บุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นๆ พบการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในหลายกรณี เช่น ระยะเวลาเก็บเกี่ยวไม่สอดคล้องกับการขอใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการ, ไม่มีการออกใบรับฝากสินค้าหรือใบประทวนให้เกษตรกร, ปริมาณข้าวตามเอกสารกับการตรวจนับไม่สอดคล้องกัน ซึ่งสายตรวจเฉพาะกิจอยู่ระหว่างตรวจสอบในเชิงลึก เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และจะขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการทุจริตลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ได้ออกประกาศควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือก, ข้าวสาร, แจ้งปริมาณ, สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าข้าวเปลือกข้าวสารปี 55 เพื่อไม่ให้เกิดช่องทางการทุจริต
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการตรวจสอบโรงสีที่ค้างส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลางจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 54/55 และให้ตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 55 โดยให้จัดสายตรวจเฉพาะกิจ 7 สายออกตรวจสอบให้การรับจำนำเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ถูกต้องและโปร่งใส