กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 มี.ค. ลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ 359,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 ตอกย้ำให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
จำนวนดังกล่าวลดลงจากระดับ 364,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากระดับ 348,000 รายในรายงานก่อนหน้านี้
สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 3,500 ราย มาอยู่ที่ 365,000 ราย โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 41,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 มี.ค.สู่ระดับ 3.34 ล้านราย
สถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และการที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 375,000 ราย ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกว่า การจ้างงานแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ แม้ตัวเลขจ้างงานได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 3 เดือนติดต่อกัน และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีก็ตาม โดยเขาระบุว่า การผลิตจะต้องขยายตัวเร็วกว่านี้ และอุปสงค์จากผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะต้องเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งกว่านี้ เพื่อผลักดันให้ตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานปรับตัวดียิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้น 227,000 ตำแหน่ง ขณะอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 8.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี
"ข้อมูลหลายตัวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานกำลังฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง" ประธานเฟดกล่าว "อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมต่างๆยังอยู่ห่างไกลจากสภาวะปกติ"
เบอร์นันเก้ระบุว่า "เรายังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า การปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานในระยะนี้จะยั่งยืน" โดยเขาแสดงความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับจำนวนคนที่ตกงานนานกว่า 6 เดือน หรือการว่างงานระยะยาวที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่การจ้างงานและชั่วโมงทำงานยังนับว่าต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตอยู่มาก