เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันว่า แม้เฟดพยายามดำเนินการเพื่อฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง โดยผ่านโครงการซื้อพันธบัตร แต่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐก็ยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้ในขณะนี้ อันเนื่องมาจากปัจจัยลบหลายด้าน
เบอร์นันเก้กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินหลายครั้ง เฟดก็ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปแล้วถึง 2 ครั้ง โดยผ่านทางโครงการซื้อพันธบัตร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลงและหนุนความเชื่อมั่นในตลาด
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่า แม้เฟดได้ใช้มาตรการ QE ไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ เมื่อพิจารณาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนบ้านที่ยังไม่มีการทำสัญญาขาย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาวะซบเซาของตลาดที่อยู่อาศัยและการทรุดตัวลงของราคาบ้าน อาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการลงทุนในสหรัฐ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้ พร้อมระบุว่า อุปสงค์ของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอเกือบจะเท่ากับระดับก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้และการค้านั้น ก็ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลที่ทำให้เฟดตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษไปจนถึงกลางปี 2557 แม้ว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และมีสัญญาณอื่นๆที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าทางเศรษฐกิจก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงาน