รัฐบาลสเปนแถลงปรับลดงบประมาณประจำปี 2555 ลง 2.7 หมื่นล้านยูโร (3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรัดเข็มขัดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ หลังจากที่นายมาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปนได้เตือนถึงการควบคุมเงินงบประมาณอย่างเข้มงวด
การปรับลดงบประมาณครั้งนี้จะรวมถึงการตรึงเงินเดือนพนักงานภาครัฐและลดงบประมาณในหน่วยงานต่างๆ ลง 16.9% ขณะที่รัฐมนตรีพลังงานเผยว่าจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้า 7% ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังจะมีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย โดยมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณของสเปนลงมาอยู่ที่ 5.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากระดับ 8.5% ในปี 2554
ด้านรองนายกรัฐมนตรีของสเปนกล่าวว่า สเปนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การลดงบประมาณภาครัฐจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของสเปนกับกลุ่มผู้ประท้วงราว 800,000 คนที่ต่อต้านนโยบายปฏิรูปแรงงานที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาอัตราว่างงานที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์คู่ขนานที่เกิดขึ้นในวันนี้ ได้แก่ ความคืบหน้าของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนที่เห็นชอบให้มีการเพิ่มขนาดของกองทุนช่วยเหลือภูมิภาคจาก 5 แสนล้านยูโร เป็น 8 แสนล้านยูโร (1.1 ล้านล้านดอลลาร์) ในระหว่างประชุมร่วมกันที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลต่อความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนช่วยเหลือในภูมิภาค โดยมองว่าจำเป็นต้องมีการขยายวงเงิน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของสเปนและอิตาลียังมีความเสี่ยง
ทั้งนี้ รัฐบาลสเปนต้องพยายามลดงบประมาณอย่างเต็มที่เพราะได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากบรรดาผู้นำยูโรโซน ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับอัตราว่างงานที่ระดับ 24% ซึ่งสูงสุดในอียู