สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) หลังจากจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในระยะนี้
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.93% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.830 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 82.070 เยน และพุ่งขึ้น 0.68% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9097 ฟรังค์ จากระดับ 0.9036 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรร่วงลง 0.68% แตะที่ 1.3230 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3321 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ร่วงลง 0.71% แตะที่ 1.5911 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6024 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.81% แตะที่ 1.0324 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0408 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.63% แตะที่ 0.8184 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8236 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรายงานการประชุมของเฟดระบุว่า คณะกรรมการเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 ในระยะนี้ แม้คณะกรรมการเฟดยังคงกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมก็ตาม
ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซน โดยเฉพาะสเปน เมื่อรัฐบาลสเปนเปิดเผยว่า สัดส่วนหนี้สินของสเปนอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 79.8% ของจีดีพีในปี 2555 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533 ขณะที่ตลาดแรงงานของสเปนก็ถดถอยลงอย่างมาก เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นเกือบ 39,000 ราย แตะระดับกว่า 4.75 ล้านคน ณ สิ้นเดือนมี.ค.
สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายเกลน สตีเฟนส์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ข้อมูลที่ได้รับเมื่อไม่นานมานี้ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระดับต่ำกว่าเป้าหมายในปีนี้
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ 8.3%