นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ "พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์"พบว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมียอดการใช้จ่ายประมาณ 103,347ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปี 54 ถือเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่สงกรานต์ปี 50 ที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 92,022 ล้านบาท
"คนรู้สึกว่ารายได้ในอนาคตเริ่มดีขึ้นหลังขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น และเป็นช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. จึงเห็นภาพของการวางแผนกลับบ้านและมีการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะไปต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่สำคัญคนเริ่มคลายความกังวลลงเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา จึงวางแผนท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเพื่อสังสรรกับครอบครัวมากขึ้น" นายธนวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ ยังมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง คือ ราคาสินค้าที่แพงขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่าง 97.7% ระบุว่ารัฐบาลต้องดูแลค่าครองชีพอย่างใกล้ชิด ส่วนความเห็นเกี่ยวกับ "ร้านถูกใจ" หรือ "โชห่วยช่วยชาติ"นั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยปานกลาง และน่าจะช่วยลดค่าครองชีพได้ปานกลาง โดยต้องการให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น ควบคุมหรือให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านต้นทุนการผลิต เพื่อไม่ให้กระทบราคาขายสินค้า เป็นต้น
"สิ่งที่น่ากังวลในอนาคต คือ เรื่องของราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนมี.ค.ขยายตัว 3.4% ซึ่งสูงขึ้นในอัตราเร่งตัว ที่สำคัญเงินเฟ้อพื้นฐานที่สูงขึ้น 2.8% ใกล้เคียงกับเพดานเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติตั้งไว้ที่ 3% ภาครัฐจะต้องดูแลไม่ให้ราคาสินค้าและราคาพลังงานสูงขึ้น และดูแลให้เงินเฟ้อครึ่งปีแรกไม่เกิน 3.6-3.7% ไม่เช่นนั้นแบงก์ชาติอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เพื่อสกัดเงินเฟ้อ" นายธนวรรธน์กล่าว
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชน 1,184 คนทั่วประเทศ ดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย.55