สเปนขายพันธบัตรระยะกลางได้ 2.6 พันล้านยูโร (3.4 พันล้านดอลลาร์) ในการประมูลวันนี้ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผลการประมูลครั้งนี้ยิ่งจุดปะทุความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้สินของสเปน หลังจากที่รัฐบาลเพิ่งเปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของประเทศมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอีกในปีนี้
ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 ปีที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนม.ค.2558 อยู่ที่ 2.89% เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.44% ในการประมูลเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ขณะที่ความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ที่ 2.41 เท่า ซึ่งลดลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับ 4.96 เท่าในการประมูลครั้งก่อน
ขณะที่พันธบัตรอายุ 5 ปี ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนต.ค.2559 มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 4.319% เพิ่มขึ้นจาก 3.376% ในการประมูลเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ที่ 2.46 เท่า ลดลงจาก 2.59 เท่า
นอกจากนี้ สเปนยังได้ขายพันธบัตรซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนต.ค. 2563 ที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5.338% เทียบกับระดับ 5.156% ในการประมูลเมื่อเดือนก.ย.2554 สำหรับความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ 2.96 เท่า
ทั้งนี้ สเปนตั้งเป้ายอดขายพันธบัตรที่ 2.5 - 3.5 พันล้านยูโรในการประมูลวันนี้
การประมูลในวันนี้นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่รัฐบาลสเปนได้แถลงงบประมาณประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งเผยให้เห็นถึงการตัดลดรายจ่ายของรัฐบาลลงมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมีขึ้นหลังจากที่วานนี้ รมว.คลังสเปนเพิ่งเปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของประเทศจะพุ่งขึ้นจาก 68.5% ไปอยู่ที่ 79.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2523 ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้เดินหน้าใช้มาตรการรัดเข็มขัดขั้นรุนแรงก็ตาม
ก่อนหน้านี้ ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์จากโครงการปล่อยเงินกู้อายุ 3 ปี วงเงิน 1 ล้านล้านยูโร ของธนาคารกลางยุโรป อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ผลในเชิงบวกของการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรปจะเริ่มจางลงแล้ว