สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวลงต่อเนื่อง จากปริมาณสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และหลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่มีแนวโน้มจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะใกล้นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาด NYMEX ร่วงลงมากถึง 1.29 ดอลลาร์ สู่ระดับ 102.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนมาแตะที่ 102.77 ดอลลาร์ ณ เวลา 13.21 น.ตามเวลาลอนดอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ปรับลง 81 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ 124.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดเผชิญปัจจัยลบหลังการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล
ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 13 มี.ค.ในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รายงานดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 เมื่อพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังจากที่ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนวันนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3%