นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ให้ลดการใช้พลังงานลง 20% ในช่วงการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค)ในเวลา 13.30 -15.30 น. ของวันที่ 9, 10, 11 และ 17 เม.ย.นี้ เพื่อลดผลกระทบจากกรณีที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซให้แก่ไทยชั่วคราวในระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ หากสามารถลดการใช้ไฟได้ในอัตราดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันมาทดแทนก๊าซในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้า Ft ไม่ปรับขึ้นอีก 5 สตางค์/หน่วยในช่วงดังกล่าว อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดับ เพราะสำรองไฟฟ้าช่วงนี้จะลดลงเหลือ 5% เท่านั้นจากมาตรฐานที่ไม่ควรต่ำกว่า 15%
"หากลดการใช้ไฟฟ้าลง 20% ก็คาดว่าการใช้ไฟฟ้าจะลดลงได้ 1,800 เมกะวัตต์ จากที่คาดว่าพีคช่วงนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 เมกะวัตต์ โดยหากไม่ลดลงเลย ต้องใช้ดีเซลทดแทนน้ำมันเตา 19 ล้านลิตร น้ำมันเตากว่า 90 ล้านลิตร ทดแทนก๊าซพม่าที่หายไป 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน" นายดิเรก กล่าว
สำหรับแนวทางการขอความ่ร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า เช่น ขอให้ห้างสรรพสินค้าปรับอุณหภูมิพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส จากที่เปิดปกติประมาณ 24 องศาเซลเซียส การขอให้อาคารสำนักงานลดการใช้แอร์และเปิดหน้าต่างมากขึ้น ขอให้โรงงานลดกำลังผลิต และขอความร่วมมือประชาชนลดใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เพราะหากใช้ไฟเพิ่มก็ต้องใช้น้ำมันจำนวนมากผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซค่าไฟก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันในวันที่ 10 เม.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีก็จะร่วมรณรงค์ลดการใช้ไฟฟ้าที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย