รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.1778 ล้านล้านเยนในเดือนก.พ. ลดลง 30.7% จากปีก่อน แต่ปรับตัวขึ้นจากที่มียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุด้วยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ.ยังได้รับปัจจัยหนุนจากบัญชีรายได้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีรายได้เท่าใดจากการลงทุนในต่างประเทศ
ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าสินค้าอยู่ที่ 1.021 แสนล้านเยน ลดลง 85.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการส่งออกลดลง 2.0% สู่ระดับ 5.2477 ล้านล้านเยน ส่วนการนำเข้าขยายตัว 11.1% แตะ 5.145.6 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งออกร่วงลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนที่ทำให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลง
กระทรวงการคลังรายงานว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ.ปรับตัวดีขึ้นนั้น เป็นเพราะการส่งออกไปยังสหรัฐฟื้นตัว โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ ท่ามกลางสัญญาณที่เป็นบวกของเศรษฐกิจสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รายงานของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ระบุถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับดุลการค้าสินค้าที่ร่วงลงอย่างมากเมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ในยุโรป และการนำเข้าที่ขยายตัวอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ตลอดจนการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนมากขึ้น เพื่อทดแทนการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่หยุดชะงักหลังจากที่เกิดวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน