สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้นั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.11% แตะที่ 1.3108 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3094 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.08% แตะที่ 1.5897 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5885 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.520 เยน จากระดับ 81.620 เยน และอ่อนตัวลง 0.01% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.5897 ฟรังค์ จากระดับ 1.5885 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.10% แตะที่ 1.0313 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0303 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.58% แตะที่ 0.8219 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8172 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง อันเป็นผลมาจากการที่เฟดอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ว่าจะเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนก่อนที่ 246,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานขยับลงเล็กน้อยสู่ระดับ 8.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนม.ค. 2552
นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของเฟดซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมี.ค., ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.